เทคนิคการจำที่มีประสิทธิผลสูง และไม่น่าเบื่อ

#วิธีการจำ ที่มีประสิทธิผลสูง และ #ไม่น่าเบื่อ
.
มีหลายอย่างมากเลยที่เราต้องจดจำ เช่น เนื้อหาในการเรียน /กฎ ระเบียบหรือหลักปฏิบัติต่างๆในการทำงาน เนื้อหาของงาน และเรื่องราวอื่นๆที่จำเป็น
.
ผมเคยเข้าใจว่า ถ้าอยากจำให้ได้เยอะๆก็ต้อง อ่านเยอะๆสิอ่านซ้ำๆ ท่องเยอะๆสิท่องซ้ำไปซ้ามาซ้ำไปซ้ำมา หรือไม่ก็ตั้งใจฟังเวลามีคนมาสอน...ซึ่งสิ่งที่ผมกล่าวมาก็ไม่ใช่วิธีที่ "ผิดหรอก"เพียงแต่มันให้ประสิทธิผลที่ต่ำ
.
ซึ่งคนส่วนมากมักจะใช้วิธีที่ผมว่ามา ซึ่งส่วนใหญ่ผมชอบนะ ยกเว้นการท่อง ( ไม่ชอบเลย มันน่าเบื่อ)
.
#แล้ววิธีที่มีประสิทธิผลสูง มันต้องทำยังไงเหรอ.?
.
วิธีการจำที่มีประสิทธิผลสูง และ "ไม่น่าเบื่อ"
.
แยกเป็น ๒ ประเด็นนะ แต่จะวิเคราะห์รวมๆกันไป
1.มีประสิทธิผลสูง
2.ไม่น่าเบื่อ
.
โดยทั่วๆไป คนเรามักจดจำสิ่งต่างๆได้ดีโดยไม่ต้องใช้กลยุทธ์อะไรเลย ถ้าหากเราสนใจเรื่องนั้นเป็น "พิเศษ"มันจะจำได้เอง (เพราะเรากระหายใคร่รู้ไง)
.
แต่ในโลกใบนี้ มันมีทั้งสิ่งที่เราชอบ และไม่ชอบ แม้แต่สิ่งที่เราชอบมันก็ยังมีสิ่งที่เราไม่ชอบปะปนอยู่
.
อะไรก็ตามที่เราสนใจมันกลางๆแต่มันจำเป็นต่อการประกอบอาชีพ อันนี้ต้องใช้กลยุทธ์ในการจำครับ
.
กลยุทธ์นี้ นำมาจาก การศึกษาค้นพบ และวิจัยของนายแพทย์ท่านหนึ่ง ท่านชื่อ นพ.คาบาซาวะ
.
แก่นแนวคิดของท่านคือ เมื่อเราศึกษาเรื่องใดสักเรื่องเมื่อเรา input 1 ครั้ง (ฟัง/ อ่าน/ดู) ให้เราถ่ายทอดออกไป (ปล่อยของออกไป) 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ ข้อมูลจะฝังแน่นคงทนมากกว่าการ  input แต่เพียงอย่างเดียว
.
#ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ "#การลืม"
.
หากเราศึกษาเรื่องใดไปโดยไม่ทบทวน 3 ครั้งใน หนึ่งสัปดาห์เราก็จะลืมข้อมูลนั้นเกือบหมด เท่ากับว่าสิ่งที่เรียนรู้มาเรา "เสียแรงเปล่า"-ดังนั้นถ้าไม่อยากเสียเเรงเปล่าให้ทบทวน หรือ ทำ output 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์
.
#สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำ
.
คนส่วนใหญ่มักจะ input เพื่อจำประมาณ 70 % และมีการส่งออก ( พูด/เขียน/ลงมือทำ) เพียงแค่ 30%
ซึ่งมันสวนทางกับการศึกษาวิจัยของ นพ.คาบาซาวะ
ดังนั้นเราควรเปลี่ยนจาก เน้น input เยอะๆ ไปเน้นที่การ output แทน
.
#การนำไปประยุกต์ใช้
.
1.#การพูด-เมื่อศึกษาเรื่องใดมาแล้วควรเอาไปพูดคุยกับเพื่อนๆ ยิ่งคุยมากยิ่งจำได้มาก และบางทีเมื่อจับกลุ่มถกเถียงกันในเชิงวิชาการนอกจากจะได้ความรู้แล้วเราอาจจะได้รู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน/ถ้าท่านมีความสามารถเพียงพอก็ติวให้เพื่อนไปเลย การที่จะติวให้เพื่อนได้คุณต้องศึกษาเรื่องนั้นให้เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ และการติวเป็นการทบทวนเรื่องที่ศึกษาไปด้วยในตัว - ทั้งนี้เป็นไปตามกฎ #ยิ่งให้ยิ่งได้
.
2.#การเขียน การเขียนก็เป็นการ output อย่างนึง ดังนั้นหากอยาจะจำเรื่องอะไรให้ได้ดี เวลาอ่านหนังสือให้ขีดๆเขียนๆไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนลงในหนังสือเลยว่าต่อหัวข้อหรือย่อหน้าหรือประเด็นนั้นๆเราเข้าใจว่าอย่างไร.?
หรือเรายังไม่เข้าใจตรงจุดใดก็เขียนไว้แล้วพอได้คำตอบค่อยเอามาเขียนตอบ
ถ้าเนื้อที่ในหนังสือมันไม่พอใช้ post it ก็ได้/หรือท่านอาจจะทำเป็น short note
ประเด็นสำคัญๆของหนังสือเล่มนั้นๆ แนกออกมาต่างหากโดยไม่เขียนลงในหนังสือก็ทำได้เช่นกัน
.
3.#การลงมือทำ-ความรู้ในบางแขนง ถ้าเราอ่านเฉยๆโดยไม่ลงมือทำมันจะจำได้ยากครับ เช่น การใช้ word ,excell ,power point /ถ้าหากคุณศึกษาเรื่องเหล่านี้โดยการอ่านหรือการฟังมันยากมากที่จะจำได้เพราะศัพท์เทคนิคมันเยอะ และเมนูก็เยอะจนลายตา...หากจะจำให้ได้ ต้องลงมือทำครับ กล่าวคือ ใช้โปรแกรมเหล่านั้นบ่อยๆ/หากตรงไหนไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก -แต่ท่านต้องการจำเป็นพิเศษไว้ใช้ยามจำเป็น จดใส่สมุดโน๊ตคู่มือการใช้คอมพิวเตอร์ก็ได้ครับ
.
สรุป
.
ลองดูนะครับ รับเข้า 1 ครั้ง แล้วจงส่งออกให้ได้ 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์

ความคิดเห็น