#ทำไมผู้ชายบางคน #ถึงไม่ชอบเตะบอล.? (ภาค ๒)(จบแล้วแหละแต่อารมณ์ยังไม่จบ)
.
อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ #คาร์ล #จุง
ผู้ค้นพบทฤษฎี #cognitive #function
.
เพื่อให้เข้าใจ ทฤษฎี ได้ง่าย-บทความนี้เลยเอาภาพมา "ประกอบ"ครับ.
.
คนเราเกิดมามีรูปแบบ ๒ อย่างที่ไม่เหมือนกันคือ
๑.#Personality #type
.
๒.#cognitive #function
.
๓.#รูปแบบการตัดสินใจ
.
๓ ปัจจัยนี้สามารถตอบปัญหาดังกล่าวข้างต้นได้ว่า
#ทำไมผู้ชายบางคน #ถึงไม่ชอบเตะบอล
.
#ปัจจัยแรก . #Personality #type
.
คุณเห็นตัว I กับตัว E ไหม.?
.
ตัว I ก็คือ introvert คือคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม มีความสุขกับการที่ได้ทำอะไรคนเดียว/หลายคนอาจจะคิดว่า
อยู่คนเดียวไม่เบื่อเหรอ.? คำตอบคือ ไม้ครับ
.
และถ้าใครมีค่า I (introvert)สูงมากๆบางคนก็ออกบวชไปเลย หรือไม่ก็เป็น ฤาษีชีไพร ไปเลย
.
คนนกลุ่มนี้ได้รับพลังงานจาก "การอยู่คนเดียว" การอยู่คนเดียวคือการชาตร์แบต...การออกไปพบปะผู้คนต้องใช้พลังงานมาก...ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงไม่ค่อยชอบเตะบอล เพราะมันสิ้นเปลืองพลังงาน และมันต้องพบปะผู้คนมากเกินไป #วุ่นวายสิ้นดี (พวกเขาคิดในใจ)
.
ึคนที่มีบุคลิคแบบ introvert มีประมาณ ๒๐% ของประชากรโลก พวกเขาอาจะแปลกๆสักหน่อย แต่เชื่อเถอะเขาไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรหรอก พวกเขาแค่เป็น "มนุษย์ถ้ำ"
.
ส่วนคนที่เป็น E (Extrovert) คนกลุ่มนี้จะได้รับพลังงานจากผู้คนรอบข้าง ยิ่งมีคนเยอะๆพลังงานจะยิ่งเยอะ ไม่ขอบอยู่คนเดีนวชอบพบปะเพื่อนฝูง และแน่นอนชอบ
"#เตะบอล"มากกว่าคนกลุ่ม introvert / เพราะทำแล้วมันรู้สึกดี มันได้รับพลังงาน มันได้ชาร์ตแบ็ต
.
#ปัจจัยที่ ๒ #cognotive #function
.
ก็มี ๒ ตัวอักษรเช่นเคย คือ N กับ S
.
คนกลุ่มที่มี N เยอะๆ กระบวนการ"รับรู้ข้อมูลของเขา"
จะเกิดจากการคิดในหัว อาจจะคิดเรื่องมีเหตุผลบ้าง เพื่อหารูปแบบหรือแก่นของสิ่งต่างๆ เช่น พยายามจัดระเบียบความรู้ในโลก พยายามแสวงหาคำตอบในเชิงปรัชญา วางแผนถึงอนาคต หรือไม่ก็นั่งมโนไปเรื่อยๆ
.
คนกลุ่มนี้หลายคนจะมีใบหน้าที่ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา
.
คนที่มี N ส่วนมาก ความถนัดเรื่อง S (sensing) จะไม่ค่อยดีนัก เช่น โยนบอลมาเขาอาจจะรับไม่ได้ หรือแม้กระทั้งเป็นมือประตูก็จะพลาดบ่อยๆเพราะเขาไม่ถนัดเรื่อง sensing หรือการรับรู้อะไรผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ
.
คนกลุ่มนี้มักสนใจเรื่องที่เป็น "นามธรรม" ชอบพูดคุยเรื่องปรัชญา ชอบเรื่องลี้ลับ หรือวิทยาศาสตร์ คืออะไรที่ไม่ต้องออกแรงทางกายภาพมาก พวกนี้จะชอบ
มักจะคิดอะไรอยู่ในหัว/แต่ก็ชอบเดินชนนู่นนี่นั่น /
ผมมีแฟนคนนึง เธอเรียนเก่งมากเลย เราชอบสาดทฤษฎีใส่กัน (สนุกดี) เป็นคนที่ผมคบได้นานที่สุดเพราะเป็นคนรับข้อมูลแบบ intuituon เหมือนกัน/เธอเก่งครับ
แต่เธอชอบเดินชนนู่นนี้นั่ยเป็นประจำ ผมต้องคอยทำแผลให้บ่อยๆ ผมว่า sensing ผมง่อยแล้วนะ เธอง่อยกว่าผมอีก / แต่เรื่องวิชาการน่ะเหรอ หึๆๆๆ ผมแพ้ราบคาบ เธอชอบเล่นเกมส์คิดเลขเร็ว ชุโดกุ และดูดวง
.
ตามตรารางจะเห็นได้ว่าคนกลุ่ม N จะมีความถนัดด้าน sensing อยู่ลำดับท้ายๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนกลุ่มนี้ถึงไม่ชอบเล่นกีฬา เพราะ sensing ไท่ดีก็เลยเสีย self
.
ส่วนคนกลุ่ม s หรือคนที่ถนัดหารใข้ sensing ถนัดการใช้ประสาทสัมผัส / คนกลุ่มนี้เรื่องกีฬาไม่ใช่ปัญหาเพราะ sensing เค้าดี ยิ่งถ้าเป็น ES ด้วยแล้ว แจ่มเลยครับ...แต่ถ้าเป็น IS ก็ sensing ดีเหมือนกันแต่จะไม่ชอบเเล่นอะไรที่ต้องเจอคนเยอะๆ คนกลุ่มนี้เหมาะที่จะเป็น"ศัลยแพทย์"ครับเพราะกล้ามเนื้อมัดเล็กทำงานได้ดี
.
#ปัจจัยที่ ๓ #เรื่องการตัดสินใจ
.
กระบวนการตัดสินใจของคนเรามี ๒ แบบครับ คือใช้ทั้งเหตุผบและอารมณ์ปนๆกันไป แต่ระดับความเข้มข้นจะไม่เท่ากัน
.
คนที่มีระดับความเข้มข้นของ F สูง คนกลุ่มนี้จะเข้าใจ "ความรู้สึก"ของตัวเองได้ดี (บางคนถึงกับต้องไปนั่งวิเคราะห์หาสาเหตุของความรู้สึกก็มี) / และในขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ก็มักจะสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นได้ด้วยว่า ผู้อื่นรู้สึกอย่างไร เวลาตัดสินใจก็จะตัดสินใจบนรากฐานที่ว่า "การตัดสินใจนี้จะกระทบต่อความรู้สึกผู้อื่นอย่างไร"
.
กลุ่มตัว T #นักตรรกะ / เวลาตัดสินใจจะใช้ logic เป็นหลัก ทำทุกอย่างต้องมีเหตุผลมารองรับ (แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีความรู้สึกนะ เขามีแต่แสดงออกไม่เก่ง)
.
จุดประสงค์ในการเล่นกีฬาของสองกลุ่มนี้ต่างกันครับ
คนกลุ่ม F เล่นเพราะอยากจะเล่น ไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมารองรับมากมาย และเล่นได้ดีเพราะเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้ดี อ่านใจฝ่สยตรงข้ามได้
.
ส่วนคนกลุ่ม T การเล่นกีฬาของพวกเขาจะมีเหตุผลมารองรับเสมอ เขาจะถามตัวเองก่อนว่าจะเล่นไปเพื่ออะไร เล่นแล้วได้อะไร เช่น เพื่อให้สาวๆชอบ เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เล่นเพื่อเพิ่มเซลล์ในสมอง เป็นต้น
.
กลุ่ม F มีแนวโน้มจะเล่นหุตบอลได้มากกว่าเพราะไม่ได้คิดอะไรมาก / แต่คนกลุ่ม T ถ้าเขาหาเหตุผลแห่งการเล่นมารองรับได้แล้ว ก็จะชื่นชอบการเล่นกีฬาไม่แพ้กัน
.
ทุกคนต่างกัน ทุกคนต่างมีคุณค่าในแบบฉบับของตนเอง จงน้อมรับความแตกต่างนั้น แบะอย่าคะยั้นคะยอใครให้เขาทำสิ่งที่เขาไม่ชอบ..เข้าใจตรงกันนะ
.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น