#วิเคราะห์ทุกอย่างที่ขวางหน้า
.
วันนี้จะพามาวิเคราะห์ The simple tense กัน
(ก็เลยตั้งชื่อว่า => น้องเปิ้ลน่ารัก)
.
#วิเคราะห์ชื่อก่อนเลย
.
The simple tense
.
simple ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันง่าย .. ว่าแต่มันจะง่ายเหมือนชื่อรึเปล่านะ.?
.
#วิเคราะห์โครงสร้าง
.
#Present #simple tense = S+V1
.
โดยหลักทั่วๆไปแล้ว ประโยคบอกเล่า 1 ประโยคจะมีภาคประธาน กับ ภาคแสดง present simple ก็เช่นเดียวกัน ภาคประธาน คือ subject (s) - ภาคแสดงคือ
verb (v) ... ไอ้เจ้าภาคแสดงที่ไม่ simple เลย มันเคยทำผมปวดเศียรเวียนเกล้ามาแล้ว..ภาคแสดง จะมี verb ตัวเดียวเลยก็ได้อ่านได้ใจความก็ถือว่าจบประโยคได้
เช่น I sleep ฉันนอน - พูดแค่นี้ก็รู้เรื่องละไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมีกรรม(object)มารองรับ / แต่หากคุณไม่พอใจจะหากรรมมารองรับก็ได้ตามใจเลย เช่น
I sleep on my bed.
.
ภาคแสดงบางอย่างต้องมีกรรมมารองรับนะ ไม่งั้นมันจะเป็นการพูดจามิรู้ความ สั้น ห้วน และจบแบบเจ็บๆงงๆ
เช่น I kick (ฉันเตะ)..เตะอะไรอันนี้ "คาใจ" "อารมณ์ค้าง" แบบนี้จำต้องหากรรมมารองรับเช่น
- I kick football.
- I kick my dog.
- He kicks his wife.(อย่าหาทำนะ ไม่ดีๆ)
.
ภาคแสดงบางตัวก็ไม่จำเป็นต้องมีกรรมมารองรับ
แต่ต้องหาอะไรมาเติมเต็มมัน เพราะมีบางสิ่งมันขาดหายไป มันต้องได้รับการเติมเต็ม เช่น
She is. (เธอ - เป็น อยู่ คือ)...อิหยังวะ ฟังไม่ได้ความ
เธอต้องการได้รับการเติมเต็มครับ เราต้องใส่ส่วนเติมเต็มให้เธอ เช่น
She is beautiful.เธอเป็นคนสวยนะ
คำว่า beautiful ไม่ใช่กรรม(object)นะ เพราะมันไม่ได้ถูกกระทำ มันเป็นลักษณะของเธอ หรือ
She is a teacher.เธอเป็นครู
.
#Past #simple tense
.
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น past มันต้องเป็นอดีตแน่ๆ
ดังนั้น ก็ต้องใช้ Verb ช่องสอง ก็จะได่โครงสร้างออกมาเป็น S+V2
.
ถ้าคุณเข้าใจ present simple แล้ว / past sinple ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ tense ที่แสดง "#เหตุการณ์เดี่ยวที่สมบูรณ์ในตัวเอง "เช่น
.
I eat = ฉันกินข้าว (present)
I ate = ฉันกินข้าว (มนอดีต)
.
หน้าที่ของเราคือต้องจดจำ Verb ช่อง 2 ให้ได้
บางตัวก็ง่ายเพราะมี pattern เช่น
-Kick Kicked kicked
- walk walked walked
บางตัวก็อินดี้แปลงร่างไปเลย เช่น
- eat ate eaten
- write wrote written
- break broke broken
.
คำแนะนำ=>ไม่ต้องไปท่องหรอกครับ มันเหนื่อย
อ่านบ่อยๆ ใช้บ่อยๆเดี๋ยวก็จะจำได้เอง
.
#Future #simple tense
.
มาถึง simple ตัวสุดท้ายจนได้ อันที่ 3 นี้จะต่างจาก 2 tense แรก ข้างบนนิดหน่อย เพราะขึ้นชื่อว่า future แล้วต้องมี will เสมอ ( ที่จริงมี shall ด้วย แต่ในชีวิตประจำวัน ไม่ค่อยใช้กัน ประธานเป็นอะไรใช้ will หมดเลย..มันเป็นเรื่องความนิยมชมชอบ)
.
will เป็น modal verb ซึ่งหลัง modal verb เนี่ยต้องตามด้วย กริยาที่ไม่ผัน ( base form,infinitive แล้วแต่จะเรียก) เสมอ / เช่น is am are base form คือ "be"
.
จากที่ร่ายมาทั้งหมดทั้งมวลก็จะได้โครงสร้างว่า
S+will+v (ไม่ผัน)
.
ตัวอย่าง
Tomorrow,I will go to konkean (พรุ่งนี้ฉันจะไปขอนแก่น)
If he comes,I will go.(ถ้ามาฉันจะไป)
.
คุณสมบัติอีกอย่างของ modal verb คือ เวลาทำเป็นปฏิเสธเอา not มาใส่ด้านหลังได้เลย ไม่ต้องเอา verb to do เข้ามาช่วยแต่งประโยค เช่น
.
I will go to school.
I will not go to school.
.
I will not give up.(ฉันจะไม่ล้มเลิก)
ตัวย่อจะใช้คำว่า ... I won't give up.
(ถ้าใครสนใจประโยค I won't give up ให้เปิด youtube แล้วค้นหาคำว่า I won't give up - Jason mraz คุณจะเข้าใจคำนี้ลึกซึ้งเลยล่ะ.
.
ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบ
.
Zolo
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น