.......
.......
การครอบครองปรปักษ์นั้น ถูกบัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒
.
มาตรา ๑๓๘๒ มีหลักเกณฑ์อยู่ว่า...
๑.บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้
๒.โดยความสงบ และโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ
๓.ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา สิบปี...ไซร้
ท่านว่า บุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
....
ถ้าว่ากันตามมาตรา ๑๓๘๒ วัดก็น่าจะครอบครองปรปักษ์ในที่ดินได้นะ เพราะวัดก็เป็น "บุคคล" (คำว่า บุคคลตามมาตรา ๑๓๘๒ หมายความรวมถึง นิติบุคคลด้วย) ดังนั้นหากวัดได้ครอบครองที่ดินของบุคคลอื่นไว้
โดยความสงบ และโดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ
จนครบ ๑๐ ปี วัดก็ควรจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นตามมาตรา ๑๓๘๒
....
เหรอ.????
.....
ในเรื่องนี้อย่าทำเป็นเล่นไป เคยมีการต่อสู้คดีกันจนถึงศาลฎีกามาแล้ว-เรื่องราวมีอยู่ว่า สมภารวัดไปทำรั้วรุกล้ำเขตที่ดินของชาวบ้านเป็นเวลานานปี โดยเจ้าของที่ดินก็ไม่ได้สนใจเพราะในสมัยก่อนที่ดินนั้นไม่ได้มีเส้นขีดขั้นที่แน่นอน...ต่อมา เจ้าของที่ดินถึงแก่ความตาย
มรดกตกทอดแก่ทายาท...ทายาทจึงให้มีการรังวัดสอบเขตเพื่อแบ่งมรดกกัน....เมื่อรังวัดสอบเขตแล้วพบว่าที่ดินของตนนั้น ถูกวัดรุกล้ำโดยวัดเนี่ย ได้ทำรั้วรุกล้ำเข้ามาในเขตของตน
....
ทายาททำยังไง.???
.....
ทายาทก็ไปขอที่ดินคืนจากวัด...แต่วัดไม่ยอมคืนโดยอ้างว่าที่ดินนั้นวัดได้ครอบครองปรปักษ์เรียบร้อยแล้ว
.....
มีการฟ้องร้องกันจนคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา
...
ศาลฎีกาตัดสินไว้ใน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๐๑/๒๔๗๑ ได้อย่างน่าฟังว่า
"วัดเป็นนิติบุคคลสมมุติจะได้ที่ดินมาด้วยประการใดๆ
ต้องได้มาชอบด้วยวัตถุประสงค์ (ทางศีลธรรม/ศาสนา) วัดจะรุกที่ของใครโดยถือว่าไม่มีเจ้าของนั้นไม่ได้
(มันผิดศีลข้อสอง) /วัดไม่ได้มีวัตถุประสงค์ไปรุกที่ของผู้อื่น ดังนั้น หากไม่มีผู้ยกที่ดินให้วัด แม้วัดจะครอบครองด้วยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ แม้จะนานเพียงใดวัดย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์"
......
หมายเหตุ
.
๑.ศาลตัดสินโดยอ้างหลัก "วัตถุประสงค์ของนิติบุคคล"
(วัดเป็นนิติบุคคล) ซึ่งวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลนั้นมีบัญญัติอยู่ในมาตรา ๖๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ว่า "นิติบุคคลย่อมมีสิทธิและหน้าที่...ภายในขอบแห่งอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์..." ซึ่งวัตถุประสงค์ของวัดนั้นมิใช่การไปแย่งที่ดินของผู้อื่นแน่ๆ
ต่อประเด็นนี้ ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ ได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า "ศาลคงจะถือว่าวัดนั้นเป็นวัดในพระพุทธศาสนา แม้ไม่มีกฎหมายกำหนดเอาไว้ว่าวัดมีวัตถุประสงค์อะไร ก็ต้องถือว่าวัตถุประสงค์ของวัดตามความเข้าใจของวิญญูชนก็คือการ เผยแผ่พระพุทธศาสนา ดังนั้นจึงต้องประพฤติตนให้อยู่ในร่องในรอยตามแบบแผนของพุทธศาสนา ดังนั้นจึงต้องถือว่าการรักษาศีลห้าเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์ด้วย เมื่อวัดไปรุกที่เขา ก็คือไปเอาของคนอื่นที่เขาไม่ให้ วัดจึงผิดศีลข้อสอง การครอบครองปรปักษ์กรณีนี้จึงมีไม่ได้เพราะอยู่นอกกรอบวัตถุประสงค์ ศาลจึงตัดสินว่า วัดจะอ้างครอบครองปรปักษ์โดยขัดกับวัตถุประสงค์เพราะเหตุที่ไปบุกรุกที่ของคนอื่นไม่ได้"
.
๒.การใดๆ ที่ผู้แทนนิติบุคคล (สมภาร)ทำไปนอกขอบวัตถุประสงค์ของนิติบุคคล ย่อมไม่อาจถือเป็นการกระทำของนิติบุคคลนั้นได้ และนิติบุคคลย่อมไม่อาจถือสิทธิหรือมีหน้าที่เพราะเหตุที่ผู้แทนนิติบุคคลทำการนอกขอบวัตุประสงค์ หรือนอกอำนาจหน้าที่ของนิติบุคคลนั้นๆได้ การอันผู้แทนนิติบุคคลทำไปเช่นนั้นจึงไม่มีผลผูกพันนิติบุคคล
............
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น