การกระทำทางตุลาการ By.บุญหนุน พลเยี่ยม



 #การกระทำทางตุลาการ

.
ที่มา
.
"การกระทำทางตุลาการ" เป็นส่วนหนึ่งของมโนทัศน์
(concept) ที่ว่าด้วย "การกระทำของรัฐ"
ซึ่งการกระทำของรัฐนั้น แบ่งออกได้ ๓ กรณีหลักๆ
คือ ๑) การกระทำทางนิติบัญญัติ
๒) การกระทำทางบริหาร แบ่งออกได้เป็น
๒.๑) การกระทำทางรัฐบาล
๒.๒) การกระทำทางปกครอง
๓) การกระทำทางตุลาการ
.
อ.สมยศ เขื้อไทย ได้ให้ความหมายของการกระทำทางตุลาการเอาไว้ว่า
"การกระทำทางตุลาการ - คือ-การพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท ซึ่งมีลักษณะเป็นการนำกฎหมาย
มาปรับกับข้อเท็จจริงในคดีแต่ละคดี"
.
.
การกระทำทางตุลาการอย่สงน้อยต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
ถ้าพิพาทกัน หรือเถียงกันในเรื่องอื่นที่มิใช่ข้อพิพาททางกฎหมาย-องค์กรตุลาการจะไม่มีอำนาจวินิจฉัย
เช่น ข้อพิพาททางการเมืองโดยแท้ ข้อพิพาทส่วนบุคคลที่ไม่เข้าลักษณะเป็นข้อพิพาททางกฎหมาย
เช่น พ่อแม่ ถกเถียง (พิพาท) กันว่าจะให้ลูกเข้าโรงเรียนไหน หรือจะเลี้ยงลูกแบบไหน จะทานอาหารร้านไหน หรือข้อพิพาทอันเกิดจากความเห็นไม่ลงรอยกันในทางวิชาการ ของนักวิชาการ
๑.๒ #สิ่งที่จะนำมาตัดสินข้อพิพาทต้องเป็นกฎหมายเท่านั้น---เวลามีข้อพิพาททางกฎหมายเกิดขึ้น เช่น
พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันอาจเข้าข่ายถูกยุบพรรค
หากมีการฟ้องร้องคดีต่อศาลสิ่งที่ศาลจะนำมาใช้ตัดสินข้อพิพาทคือ กฎหมาย ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร และไม่เป็นลายลักษณ์อักษร...จะเอาสิ่งที่ไม่ใช่กฎหมายมาตัดสินคดีไม่ได้ เช่น ความเชื่อทางศาสนา ศีลธรรมเฉพาะบุคคล อุดมการณ์ส่วนตัว เป็นต้น
.
กล่าววอีกนัยหนึ่ง คือ การกระทำทางตุลาการจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีคำฟ้องหรือคำร้องตามหลักที่ว่า
การกระทำทางตุลาการข้อนี้ หากจะให้เห็นภาพชัดจะต้องเปรียบเทียบกับการกระทำทางปกครอง
การกระทำทางปกครองนั้นมีลักษณะ active
ฝ่ายปกครองสามารถริเริ่มวางแผน และปฏิบัติตามแผนเพื่อบริการสาธารณะได้เลย โดยไม่ต้องรอให้มีข้อพิพาทกันเกิดขึ้นก่อน
.
๓.#การกระทำทางตุลาการนั้น #ตุลาการต้องมีความเป็นอิสระ กล่าวคือ ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลกดดันใดๆขององค์กรอื่นและของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ
ซึ่งวิธีการประกันความเป็นอิสระของผู้พิพากษาก็มีหลายวิธีการ เช่น
- การให้คู้ความสามารถคัดค้านผู้วินิจฉัยคดีได้ หากตนเห็นว่าผู้วินิจฉัยคดีจะไม่เป็นกลาง
- การห้ามมิให้ผู้ใดแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ข้อพิพาทที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา เป็นต้น
.
.
ในระบบกฎหมายแบบ civil law นั้น การกระทำทางตุลาการเป็นการกระทำที่รักษาไว้ซึ่งกฎหมาย ไม่ใช่การกระทำที่เป็นการให้กำเนิด หรือก่อตั้งกฎหมาย
หากกฎหมายนั้นมีช่องโหว่ศาลต้องใช้วิธี "อุดช่องว่าง"ของกฎหมาย
.
"#ยุติ" กล่าวคือ เมื่อศาลได้อ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังแล้ว คำพิพากษาจะผูกพันคู่ความและเป็นที่ยุติ และเมื่อพิพากษาคดีแล้ว ตัวคำพิพากษานั้นจะแยกตัวเป็นอิสระจากผู้ตัดสินคดี โดยหลักแล้วต้องเป็นที่ยุติจะไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาไม่ได้อีก
แต่อย่างไรก็ตามหลักการดังกล่าวมีข้อยกเว้นอยู่
๓ กรณี คือ
๑) การแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย
๒) คู่ความฝ่ายใดฝ่สยหนึ่งที่ไม่พอใจคำพิพากษาได้อุทธรณ์คำพิพากษานั้นไปยังศาลที่มีลำดับสูงกว่า
ศาลแห่งแรก ศาลที่อยู่สูงกว่า ย่อมสามารถ แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาได้
๓) บางกรณีเพื่อความเป็นธรรมระบบกฎหมายอาจเปิดโอกาสให้มีการรื้อหื้นคดีที่ยุติไปแล้วกลับมาพิจารณาใหม่ได้
......
......

ความคิดเห็น